โทรติดต่อ:
ภก.
เพียร
เพลินบรรณกิจ

ภก.เพียร เพลินบรรณกิจ มีความสนใจงานด้านนโยบายสาธารณสุขและการเข้าถึงยา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการด้านการบริหารการเข้าถึงยาในบริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำ ในด้านวิชาชีพเภสัชกรรมดำรงตำแหน่งกรรมการอำนวยการเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ 2 สมัย (พ.ศ.2559-2564) และกรรมการสมาคมเภสัชกรรมการตลาด (ประเทศไทย) จนถึงปัจจุบัน

ภก.เพียร เป็นผู้ผลักดันและประสานงานกับสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ประเทศเยอรมันและหน่วยงานของรัฐ เพื่อนำยา Tiotropium bromide และยา Tenecteplase เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ทำให้ผู้ป่วยทุกสิทธิประกันสุขภาพที่ป่วยเป็นโรคปอดเรื้อรัง COPD และ STEMI ตามลำดับเข้าถึงยาตามแนวเวชปฏิบัติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นภายใต้งบประมาณที่ภาครัฐสามารถบริหารจัดการได้และภาคเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในบริบทของประเทศไทย

ภก.เพียร ได้รับทุนรัฐบาลสหราชอาณาจักร (Chevening scholarship) ซึ่งเป็นหนึ่งในทุนที่มีการแข่งขันมากที่สุดในโลกโดยมีผู้สมัครและผ่านการคัดเลือกเพียงร้อยละ 3 เพื่อไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้าน นโยบาย การวางแผน และการคลังด้านสุขภาพ (Health Policy, Planning and Financing) ณ วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (London School of Economics and Political Science: LSE) และ วิทยาลัยการอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งลอนดอน (London School of Hygiene & Tropical Medicine: LSHTM) มหาวิทยาลัยลอนดอน และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2565

#MahidolUniversityNotableAlumni

Related Stories

⮕ เพียร เพลินบรรณกิจ : Living with Passion Click

อ่านเรื่องราว

Dr.
Nestor
S. Arce Jr

After graduating from Mahidol University, Dr. Nestor S. Arce Jr went back and work for his country. He strongly believed that wisdom is essential in developing society but it is difficult to work in the depressed area because lack of education and access to quality health care. So, he continues his hard work for over 25 years in the medical academe. When the COVID-19 outbreak started he accepted the challenge from the Department of Health Davao Region to be Frontline doctor work in one of their COVID facility in Davao del Sur knowing the risk and unprecedented pressure as well the physical and psychological impact especially on managing patients infected with COVID 19 in a resource limited setting. Now he has a new challenge as the dean of the college of Medicine of Jose Maria College Foundation, with his heart and his mission to create future health care workers who have character imbued with strong empathy to work for the marginalized and underserved sector in his country.

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

รศ. กภ.
กันยา
ปาละวิวัธน์

รองศาสตราจารย์ กภ.กันยา ปาละวิวัธน์ บัณฑิตกายภาพบำบัดมหิดลรุ่นที่ 7 มีผลงานตีพิมพ์ แต่งตำราด้านประสาทสรีรวิทยา สรีรวิทยาของการออกกำลังกาย เป็นกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือแพทย์เกี่ยวกับอุปกรณ์กายภาพบำบัด ผลงานสำคัญคือ เป็นผู้สร้างงานกายภาพบำบัดในประเทศไทยด้วยอุดมการณ์ คุณภาพ คู่คุณธรรมเพื่อประชาชน อาจารย์มุ่งมั่นดูแลผู้ป่วย พิสูจน์ให้สังคมเห็นถึงผลสำเร็จของการรักษาทางกายภาพบำบัด ร่วมก่อตั้งคลินิกกายภาพบำบัดของคณะฯ และพัฒนางานกายภาพบำบัดภาคเอกชน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 เพื่อเป็นต้นแบบของการก่อตั้งคลินิกกายภาพบำบัดเพื่อประชาชน พัฒนานักกายภาพบำบัดให้มีอิสระทางความคิด ปลูกฝังให้ยึดพระราชปณิธานของสมเด็จพระราชบิดา และแนวทางของศาสตราจารย์นายแพทย์เฟื่อง สัตย์สงวน ให้มีคุณภาพคู่คุณธรรมเพื่อประชาชน ปัจจุบันกันยาคลินิกกายภาพบำบัดมีอายุมากกว่า 40 ปี มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก ขยายสาขาและสร้างงานให้นักกายภาพบำบัดจำนวนถึง 10 สาขา มีนักกายภาพบำบัดร่วมอุดมการณ์มากกว่า 150 คน

#MahidolUniversityNotableAlumni

 

Related Stories 

ยาใจคนเจ็บ 40 ปีของ ‘กันยาคลินิก’ ธุรกิจกายภาพบำบัดที่ใช้การตลาดแบบบอกต่อ โดยมีเป้าหมายรักษาคนไข้ให้หายขาดและสามาถดูแลตัวเองต่อไปได้ Click 

⮕ เส้นทาง ‘กันยาคลินิก’ กว่า 4 ทศวรรษ เพื่อประชาชนและการพัฒนายกระดับงานกายภาพบำบัดไทย Click

อ่านเรื่องราว

รศ. กภ.
กานดา
ใจภักดี

รองศาสตราจารย์.กภ.กานดา ใจภักดี ในฐานะบัณฑิตกายภาพบำบัดรุ่นแรกของประเทศไทย ได้ร่วมก่อตั้งชมรมกายภาพบำบัดและดำรงตำแหน่งประธานคนแรกเมื่อ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นสมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย รองศาสตราจารย์.กภ.กานดา ในฐานะอาจารย์กายภาพบำบัดรุ่นแรกได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังทรัพย์เพื่อปลูกฝังศิษย์ให้เป็นนักกายภาพบำบัดที่ดีมีคุณธรรม หลักสูตรกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นรากฐานในการพัฒนาหลักสูตรกายภาพบำบัดให้แก่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในเวลาต่อมา รองศาสตราจารย์.กภ.กานดา ได้เขียนบทความวิชาการ รายงานวิจัย และแต่งตำรา เรื่อง วิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว  ในฐานะข้าราชการได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบอย่างสูง ตั้งมั่นในคุณธรรมความดี เสียสละ วิริยอุตสาหะ ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย  ในฐานะผู้บริหารโรงเรียนกายภาพบำบัดได้ร่วมพัฒนาหลักสูตรกายภาพบำบัดระดับปริญญาโทและปริญญาเอกเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และร่วมผลักดันให้เกิดคณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวประยุกต์ ในมหาวิทยาลัยมหิดล และดำรงตำแหน่งคณบดีคนแรก รวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมศิษย์เก่าคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล และก่อตั้งมูลนิธิคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

ผศ.กภ.
ปรีชา
ธันวารชร

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กภ.ปรีชา ธันวารชร ผู้คิดค้นการรักษาทางกายภาพบำบัดด้วยเทคนิคการจัดการ Kinematic Linkage Imbalance (K.L.I.M.B.) ซึ่งเป็นวิธีการที่เห็นผลการรักษาอย่างรวดเร็ว สามารถนำไปใช้ได้จริง โดยการประยุกต์ความรู้พื้นฐานทางกายวิภาคศาสตร์และกายภาพบำบัดเพื่อใช้ในการตรวจประเมินและวางแผนการรักษาที่ต้นเหตุของการเจ็บปวด ความบกพร่องของการเคลื่อนไหว การขาดความเสถียรของร่างกายซึ่งนำไปสู่การอ่อนแอของกล้ามเนื้อ การยึดตัวเรื้อรัง ความยืดหยุ่นลดลงและการไม่สมดุลของกำลังกล้ามเนื้อที่อาจเกิดจากรอยโรคของกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวที่ลดน้อยลงจากพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมในผู้ที่มีอาการปวด หลัง  รยางค์ขา ต้นคอ บ่า ไหล่และรยางค์แขน โดยเน้นการรักษาด้วยมือและการออกกำลังกายเพื่อการรักษา เพื่อปรับความไม่สมดุลการเชื่อมโยงของกล้ามเนื้อและข้อต่อที่อยู่บริเวณแกนกลางทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในโรงพยาบาล คลินิก ชุมชนและการกีฬา ตลอดจนการให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและญาติในการดูแลด้วยตนเองที่เหมาะสมให้กลับมาเป็นปกติรวมทั้งเป็นการส่งเสริม ป้องกันทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เทคนิคนี้ได้ถูกนำไปรักษาผู้ป่วย นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยและกีฬาอื่น ๆ ได้เป็นผลสำเร็จทั้งได้เผยแพร่ให้แก่คณาจารย์ นักกายภาพบำบัดทั่วประเทศ รวมทั้งองค์กรกีฬาและใช้อ้างอิงในงานวิจัยด้วย

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

ภญ.
ชนากิตต์
อิ่มบำรุง

เภสัชกรหญิงชนากิตต์ อิ่มบำรุง ผู้ก่อตั้งกองทุนร้านยาพรประสิทธิ์ โดยเริ่มจากทุนทรัพย์ส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ให้เข้าถึงการรักษาเบื้องต้นในชุมชนหมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กทม.

จากการมีธุรกิจร้านขายยาเล็กๆ จนเติบโตเป็นบริษัทพรประสิทธิ์ ฟาร์มาซี จำกัด ทำให้ได้ขยายโอกาสการดูแลสุขภาพและยาให้กับประชาชนในชมชุมดัง ม.นักกีฬา โดยมุ่งเน้นการบริบาลเภสัชกรรมเชิงลึกตั้งแต่ปี 2557 และส่งผลให้ได้รับรางวัลเภสัชกรชุมชนดีเด่น ปี 2562 จากเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีผลงานดีเด่นได้แก่ การเป็นเภสัชกรชุมชนที่ทำงานด้านบริบาลเภสัชกรรมและมีบทบาทในการให้ความรู้ด้านสุขภาพกับประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อาทิกิจกรรมเยี่ยมบ้านเพื่อดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรัง กิจกรรมการคัดกรองโรค เบาหวาน ความดัน การเลิกบุหรี่ การรณรงค์การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล การพัฒนางานด้านบริบาลเภสัชกรรมชุมชน ร่วมผลักดันบทบาทวิชาชีพเภสัชกรชุมชน เพื่อร่วมเป็นเครือข่ายส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติให้เภสัชกรชุมชน (ร้านยา) เป็นหน่วยร่วมให้บริการในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ พัฒนารูปแบบการบริบาลเภสัชกรรมชุมชน โดยการเยี่ยมบ้านจัดทำรายการใช้ยาพร้อมกับการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหาจากการใช้ยาในชุมชน ร่วมกับหน่วยงานราชการและทีมสหวิชาชีพตลอดการทำงานเภสัชกรหญิงชนากิตต์ ได้ยึดมั่นในคำขวัญมหาวิทยาลัยมหิดลที่ว่า “อัตตานัง อุปมัง กเร” ให้การดูแลผู้ป่วยเปรียบดังญาติมิตรให้พ้นจากทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจ

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

รศ.ดร.
วราภรณ์
ชัยวัฒน์

รองศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ ชัยวัฒน์ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในสาขาการพยาบาลเด็ก โดยเป็นที่ประจักษ์จากผลงานทางวิชาการและงานวิจัยจำนวนมาก ท่านได้พัฒนาเครื่องมือวิจัยและเครื่องมือประเมินที่จำเป็นต่อการส่งเสริมสุขภาพเด็กจำนวนมาก เช่น Thai State-Trait Anxiety Inventory for Children-Revised, Thai Child Medical Fear Scale, Thai Developmental Screening Tool for Infants and Toddlers (TDST), Thai Modified Checklist for Autism in Toddlers  (TM-CHAT), Parental Feeding Behaviors (Indonesian)  เป็นต้น สำหรับการส่งเสริมสุขภาพวัยรุ่น ท่านได้ร่วมศึกษากระบวนการเลี้ยงดูวัยรุ่นที่มีสุขภาพดีในบริบทสังคมไทย และนำสู่งานวิจัยที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพวัยรุ่นด้านต่างๆ เช่น การจัดการความเครียด การละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นต้น นอกจากนี้ท่านยังได้สร้างวิจัยเพื่อพัฒนาสุขภาพประชาชนไทยในอีกหลากหลายด้าน งานที่สำคัญชิ้นหนึ่งคือ งานวิจัยเกี่ยวกับการปฏิบัติอย่างอิสระของพยาบาล (Independent practice of professional nurse) โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2544 ซึ่งทำให้ในระยะต่อมามีการศึกษาวิจัยและผลักดันให้เกิดการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Entrepreneurship ของพยาบาลเป็นอย่างมาก ตลอดระยะเวลาการเป็นอาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ดร.วราภรณ์สอนและเป็นกรรมการบริหารหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก โดยเป็นกรรมการบริหารหลักสูตรพยาบาลศาสตรดุษฎีบัณฑิต ตั้งแต่พ.ศ. 2545 ถึง พ.ศ. 2564  ท่านเป็นผู้ที่ทุ่มเทให้กับการเรียนการสอน มุ่งพัฒนานักศึกษาทั้งในด้านความรู้ ความสามารถทางการพยาบาลและการดำรงชีวิต บุกเบิกพานักศึกษาพยาบาลออกให้บริการสุขภาพทั้งในสถานบริการสุขภาพ ชุมชน รวมถึงแหล่งชุมชนด้อยโอกาส ในระยะหลังยังเป็นผู้นำในการเผยแพร่ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพผ่านสื่อออนไลน์รูปแบบต่างๆด้วย ท่านได้รับรางวัล อาจารย์ดีเด่นด้านการเรียนการสอน คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2552 และรางวัลนิสิตเก่าดีเด่น สาขาการศึกษาพยาบาล ประเภทอาจารย์พยาบาล จากสมาคมนิสิตเก่า พยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากการสอนแล้ว ท่านยังได้นำความรู้ทางสาขาการพยาบาลเด็กไปใช้ในการบริการสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกรรมการฝ่ายวิชาการ และเป็นวิทยากรประจำมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เป็นอนุกรรมการบ้านเด็กจุฬาฯ ฯลฯ แม้ในระยะหลังด้วยภารกิจรอบด้าน ท่านจะไม่สามารถทำหน้าที่เป็นกรรมการในลักษณะข้างต้นได้ แต่ก็ยังให้ความร่วมมือกับองค์กรเหล่านี้เสมอทุกครั้งที่มีโอกาส ด้านการพัฒนาวิชาชีพ ท่านเป็นผู้ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาวิชาชีพพยาบาล จึงทำหน้าที่ในฐานะอนุกรรมการและกรรมการชุดต่างๆ ในสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย สภาการพยาบาล และสมาคมพยาบาลกุมารเวชศาสตร์ประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เมื่อวิชาชีพพยาบาลพัฒนาสู่ advanced nursing practice
รศ.ดร.วราภรณ์ได้ทำหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการยกร่างข้อบังคับสภาการพยาบาล ว่าด้วยหลักเกณฑ์การออกหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรเกี่ยวกับความรู้ความชำนาญเฉพาะทางการพยาบาลและการผดุงครรภ์พยาบาล และต่อมาได้อยู่ในคณะผู้บริหารวิทยาลัยพยาบาลและผดุงครรภ์ขั้นสูงแห่งประเทศไทยในการดำเนินการจัดสอบความรู้เพื่อให้พยาบาลวิชาชีพที่สำเร็จปริญญาโททางการพยาบาลสามารถพัฒนาไปเป็นพยาบาลวิชาชีพเชี่ยวชาญเฉพาะสาขา (Advanced Practice Nurse : APN) ด้านการบริหาร ท่านเคยดำรงตำแหน่งทางด้านการบริหารของคณะพยาบาลศาสตร์ ตั้งแต่ปี 2544 โดยมีโอกาสในการรับผิดชอบงานที่หลากหลายทั้งด้านบริหาร ด้านแผนและการคลัง ด้านวิชาการ วิจัย วิเทศ และกิจการนิสิต ตลอดระยะเวลาการทำงาน ท่านได้มีโอกาสทำงานที่ท้าทายด้านต่างๆ มากมาย เช่น ได้ร่วมผลักดันและพัฒนาหลักสูตรพยาบาลมหาบัณฑิต Flexible learning หลักสูตรแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ต้องมีการพัฒนาบทเรียนในลักษณะหนังสือ เทปโทรทัศน์ และการเรียนการสอนในห้องเรียนทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ท่านก็ได้เดินทางโดยรถไฟตู้นอนเพื่อไปพบกับนักศึกษาตลอดระยะเวลาที่มีการสอนในหลักสูตรนี้ เพื่อให้พยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศไทยได้มีโอกาสเรียนรู้ พัฒนาตนเองให้สามารถดูแลสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงที่ประเทศไทยประสบภัยสึนามิในปีพ.ศ. 2547 ทันทีที่ทราบข่าว แม้สึนามิยังไม่สงบ ท่านร่วมเดินทางกับรศ.ดร.จินตนา ยูนิพันธุ์ นายกสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย ณ เวลานั้น เพื่อไปดูแลพยาบาลและประชาชนที่ประสบภัยสึนามิ ทำให้ได้ข้อมูลต่างๆมาร่วมวางแผนในการดูแลฟื้นฟูสุขภาพประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และนำสู่การจัดการศึกษาพยาบาลภาคปฏิบัติในศูนย์พักพิงในจังหวัดภาคใต้โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ และในปีพ.ศ. 2554 เมื่อประเทศไทยประสบมหาอุทกภัย ท่านได้เป็นกำลังหลักของคณะพยาบาลศาสตร์ ในการจัดตั้งหน่วยบริการสุขภาพประชาชนที่อพยพลี้ภัยน้ำท่วม มาอยู่ในศูนย์พักพิงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยท่านต้องเดินทางฝ่าน้ำท่วมมาที่ศูนย์พักพิงด้วยตนเองทุกวันเนื่องจากบุคลากรสุขภาพมีจำกัด ท่านได้นำความรู้ที่ได้จากการบริหารจัดการกำลังคน และทรัพยากรต่างๆ ในช่วงดังกล่าวมาจัดทำเป็นบทเรียนให้กับนักศึกษาอีกเช่นกัน จากประสบการณ์การทำงานบริหารที่หลากหลายรอบด้าน รศ.ดร.วราภรณ์จึงได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่ง คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2560 – 2564 ท่านเป็นผู้บริหาร ที่มีวิสัยทัศน์และนำพาคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันทางการศึกษาทางการพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ ในระหว่างการดำรงตำแหน่งคณบดี ได้มีการระบาดของ Covid-19 มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งศูนย์บริการวัคซีน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นต้นแบบให้กับสังคม เนื่องจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่มีโรงพยาบาลในสังกัด การดำเนินงานในส่วนพยาบาลของศูนย์บริการวัคซีน อาคารจามจุรีสแควร์ คณะพยาบาลศาสตร์จึงเป็นแกนหลัก รศ.ดร.วราภรณ์ได้ใช้ความรู้ และประสบการณ์ ในฐานะพยาบาลและผู้บริหารองค์กร ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆของมหาวิทยาลัย และหน่วยงานภายนอก และอาสาสมัคร ในการบริหารจัดการกำลังคน ทรัพยากร รวมถึงระบบการทำงานต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย การที่ท่านนำอาจารย์ และนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอก มาร่วมให้บริการแก่ประชาชนทุกวัน ตั้งแต่ 8.00-20.00 น และการให้บริการออนไลน์ต่างๆ ทำให้เกิดนักศึกษาและอาจารย์มีมุมมองในการสร้างงานวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาลต่อไปอีกมาก รศ.ดร.วราภรณ์ในฐานะคณบดีได้นำคณะให้ปรับปรุงระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นทั้งในลักษณะ Multifunction, Shared Service, E-document และการทำงานออนไลน์เต็มรูปแบบ ด้านวิชาการส่งเสริมให้เกิด Joint Research Seminar กับมหาวิทยาลัยนานาชาติ การแลกเปลี่ยนนักศึกษากับมหาวิทยาลัยต่างชาติทั้งในลักษณะ onsite และ online นอกจากนี้ยังผลักดันให้คณะฯ ร่วมพัฒนาต้นแบบการศึกษาร่วมกันระหว่างสหสาขาวิชาชีพทางการแพทย์ (Interprofessional education) ที่เป็นการเรียนรู้ผ่านสถานการณ์จําลองเสมือนจริงออนไลน์ (Virtual simulation) และผลักดันให้เกิดหลักสูตรทางการพยาบาลใหม่ซึ่งเป็นหลักสูตร Double degree ในระดับบัณฑิตศึกษากับ Kobe University, ประเทศญี่ปุ่น

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

ดร.
สุวิทย์
เมษินทรีย์

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นผู้พัฒนาและผลักดันแนวคิด Thailand 4.0 ในช่วงปี 2560-2562 ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย Thailand 4.0 เป็นโมเดลที่มีจุดมุ่งหมายในการนำพาประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล้ำและกับดักความไม่สมดุล ในบริบทของพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางที่แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีได้วางไว้ โดยใช้แนวคิด “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ในช่วงปี 2562 – 2563  ดร.สุวิทย์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้นำเสนอโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ทุกประเทศสามารถนำไปใช้ได้โดยประยุกต์ให้เข้ากับบริบทภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม หรือวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ เนื่องจากความท้าทายในยุคปัจจุบันคือ ‘stakeholder’ ที่กระจายในทุกภาคส่วน แต่การใช้ BCG จะช่วยรวมคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาไว้ด้วยกันและทำให้มีเป้าหมายเดียวกัน เศรษฐกิจในแบบ BCG มีคุณสมบัติอย่างน้อย 5 ข้อ คือ 1.อาศัยจุดแข็งของความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม 2.การกระจายตัวของสาขายุทธศาสตร์และอุตสาหกรรมเป้าหมายมีจำนวนพอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป 3.การกระจายตัวของผู้ประกอบการ ครอบคลุมผู้ประกอบการในระดับฐานราก วิสาหกิจชุมชน SMEs ผู้ประกอบการรายใหญ่และสตาร์ทอัพ 4.การเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น เศรษฐกิจภูมิภาค เศรษฐกิจระดับประเทศและเศรษฐกิจโลกเข้าด้วยกัน และ 5.สร้างสมดุลระหว่างการนำเข้าเทคโนโลยี กับการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ หลังจากที่ ดร.สุวิทย์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการในปี 2563 ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Youth in Charge ‘การพัฒนาคน’ ในแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุ 15-22 ปี ได้ร่วมออกแบบและสร้างอนาคตของตัวเองในมิติต่างๆ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของพลังเยาวชนจากหลากหลายพื้นเพ ในการขับเคลื่อนวาระสำคัญๆที่มีผลต่อชีวิต ความเป็นอยู่และอนาคตของเจนเรชั่นของพวกเขา จากปัญหาว่า ‘เสียงของเยาวชนมักไม่ค่อยมีผู้ใหญ่รับฟัง’ Youth in Charge จึงเป็นแพลตฟอร์มของการเป็นพื้นกลางในการแลกเปลี่ยน พื้นที่กลางในการมีส่วนร่วม การฟังแล้วได้ยิน และเป้าหมายคือการนำไปสู่การกระทำที่เป็นรูปธรรม

#MahidolUniversityNotableAlumni

 

Related Stories 

“สุวิทย์ เมษินทรีย์” ชี้โมเดล ศก. BCG การปรับเปลี่ยนเชิงระบบและยุทธศาสตร์ Game Changer ที่แท้จริงของไทย Click

“สุวิทย์ เมษินทรีย์” ปลุกพลัง 3 มหาวิทยาลัย สร้างคนใหม่ กำหนดอนาคตโลก Click

อ่านเรื่องราว

รศ.ดร.
ปิยาณี
คล้ายนิล-โยบาซ

รศ.ดร.ปิยาณี คล้ายนิล-โยบาซ สำเร็จการจากคณะพยาบาลศาสตร์ หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ปี พ.ศ.2533 ปัจจุบันท่านปฏิบัติงาน ณ Alice Lee Centre for Nursing Studies Yong Loo Lin School of Medicine, National University of Singapore ท่านเป็นนักวิจัยทางการพยาบาลที่มีความสนใจงานวิจัยเกี่ยวกับ ความเครียด ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเครียด และสุขภาพของบุคคลที่มีสุขภาพดีและผู้ที่มีอาการป่วยทางจิต การแทรกแซงทางจิตสังคมในผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตและสภาวะทางการแพทย์ ท่านได้พัฒนางานวิจัยเกี่ยวกับภาวะทางสุขภาพจิตเป็นจำนวนมาก โดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากหน่วยงานต่างๆ มากมาย อาทิ NUHS Bridging funds และ National Research. Council of Thailand, Thailand. ท่านมีผลงานการวิจัยที่มีการเผยแพร่ในวารสารระดับชาติและนานาชาติที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญและมีการรวบรวมไว้บนเว็บไซต์ Google Scholar ทั้งหมด 143 ฉบับโดยมีการอ้างอิงโดยรวม 4,880 รายการ h-index เท่ากับ 37 และ i10-index เท่ากับ 68 และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 รศ.ดร. ปิยาณี (คล้ายนิล) โยบาซ ได้รับการเสนอชื่อเป็นนักวิจัยที่มีการอ้างอิงสูง 2% อันดับแรกของโลก นอกจากนี้ท่านได้มีการส่งเสริมสุขภาพจิตของประชาชน โดยมีการเผยแพร่ความรู้ทางออนไลน์เพื่อสอนวิธีการกำหนดลมหายใจอย่างมีสติเพื่อจัดการกับความเครียดในช่องทางออนไลน์ในรายการ “Mindfulness Practice with Dr. Piyanee” จากความรู้ความสามารถในการพยาบาลสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวชศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก ปี 2021 ท่านได้รับเชิญจากองค์การอนามัยโลกในฐานะผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาแนวปฏิบัติทางด้านสุขภาพจิต

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

นพ.
โอภาส
การย์กวินพงศ์
  • นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ เป็นแพทย์เวชศาสตร์ป้องกันด้านระบาดวิทยาที่มีความรอบรู้และเชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และการสาธารณสุขและเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการโรคติดต่อต่างๆ ในประเทศไทยเป็นอย่างดี และรับผิดชอบภารกิจการควบคุมโรคติดต่อมายาวนานกว่า 10 ปี เป็นผู้ร่วมกำหนดนโยบาย เป้าหมาย และมาตรการจัดการกับโรคติดต่อ ทั้งโรคติดต่ออุบัติใหม่ โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำโรคติดต่อป้องกันด้วยวัคซีน และสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาสาธารณสุข เป็นผู้บุกเบิกและสนับสนุนการพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณ์สุข ภายในกรมควบคุมโรคอย่างจริงจัง เมื่อครั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป ที่ต้องรับมือกับการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ 2009 (2009 Influenza Pandemic) ที่ประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยประสบกับการระบาด หลังจากนั้น ได้ใช้ประสบการณ์มาต่อยอดพัฒนาระบบการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินของสาธารณภัยและการระบาดของโรคติดต่อสำคัญ เช่น น้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.2554 ผู้ป่วยเมอร์ส ไข้ชิกา
  • เมื่อครั้งที่นายแพทย์โอภาสดำรงตำแหน่งรองอธิบตีกรมควบคุมโรค ท่านเป็นกำลังหลักในการยกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติโรคติดต่อฉบับใหม่ ที่ปรับปรุงจากฉบับปีพ.ศ.2523 โดยใช้ความรู้และประสบการณ์ในการบริหารงานสาธารณสุขตลอดจนความเชี่ยวชาญในภารกิจเฝ้าระวังและป้องกันควบคุมโรคติดต่อ ได้สำเร็จเป็นพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ถือเป็นการพัฒนาเชิงระบบของประเทศไทย เพราะกำหนดให้มีคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการโรคติตต่อจังหวัด และหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อที่เป็นเครื่องมือและกลไกสำคัญในการรับมีอกับโรคติดต่อและโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าในอดีตมาก
  • ระหว่างที่มีวิกฤติการระบาดของโควิด 19 ทั่วโลก ตั้งแต่เตือนมกราคม 2563 ถึง เตือนธันวาคม 2565 ตลอดระยะเวลา 3 ปีเศษ นายแพทย์โอภาสเป็นผู้บริหารสาธารณสุขที่มีบทบาทอย่างสูงตั้งแต่เริ่มตันทั้งในฐานะขุนพลเอกและเสนาธิการของกระทรวงสาธารณสุขที่ยืดหยัดสู้กับโควิดอย่างมุ่งมั่นและทุ่มเทเสียสละ เริ่มจากในปีแรกเมื่อมีการรายงานโรคติตต่ออุบัติใหม่ที่เป็นสาเหตุของโรคปอตอักเสบที่ยังไม่ทราบว่าเป็นเชื้อชนิดใดและประเทศไทยคัดกรองพบผู้ป่วยรายแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะนั้นท่านตำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพของห้องปฏิบัติการเพื่อให้ตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยโควิด 19 รายแรกได้สำเร็จ และเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงสำหรับ SARS CoV-2 เพียง 1 ใน 2 แห่งช่วงต้นปี 2563 ต่อได้พัฒนาศักยภาพของห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในระดับเขตสุขภาพ ทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพรับมือกับการระบาดของโควิด 19 ในปีต่อมาอย่างมีความพร้อมสูง ประชาชนเข้าถึงบริการการตรวจวินิจฉัยที่มีคุณภาพใด้อย่างรวดเร็ว แพทย์สามารถให้การรักษาได้อย่างถูกต้องกับโรคและเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อสามารถดำเนินการป้องกันควบคุมโรคได้ทันต่อสถานการณ์
  • ต่อมาในเตือนตุลาคม 2563 นายแพทย์โอภาสได้รับความไว้วางใจย้ายมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมโรค ซึ่งท่านได้นำกำลังของกรมควบคุมโรคร่วมปฏิบัติการกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกกระทรวงสาธารณสุข อาทิ EOC กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อีกทั้งวางแผนการดำเนินงานอย่างมีกลยุทธ์  เป็นผู้บริหารที่ปฏิบัติเป็นตัวอย่างที่ดี มีการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมในการจัดการกับสถานการณ์ ด้วยวิสัยทัศน์และสายตาที่แหลมคมพิสูจน์ใด้จากผลงานการรบกับโควิด 19 โดยในปลายปี พ.ศ. 2563 เริ่มการจัดหาวัคซีนโควิด 19 เพื่อให้บริการกับผู้คนในประเทศไทย โดยลงนามในสัญญาสั่งซื้อล่วงหน้าจากบริษัท AstraZeneca ที่ผลิตในประเทศไทยและต่อมายังมีการจัดหาวัคจีนชนิดเชื้อตาย บริษัท Sinovac และวัคนชนิด mRNA บริษัท Pfizer จนทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนครอบคลุมสูงมากกว่า 100 ล้านโดสภายในปี พ.ศ.2564 และฉีดเพิ่มอีก 45 ล้านโดส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเข็มกระตุ้นในปี พ.ศ.2565 ส่งผลให้ประเทศไทยมีความครอบคลุมของวัคซีนมากกว่าร้อยละ 82 และเป็นการช่วยให้ผู้คนในประเทศไทยรอดพันจากการป่วยเสียชีวิตจากโควิด 19 เป็นจำนวนกว่า 5 แสนรายและยังเป็นการป้องกันการป่วยเข้าโรงพยาบาลได้อีกจำนวนมาก

ผลงานที่โดดเด่น

  • ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลนักเวชศาสตร์ป้องกันดีเด่น ปีพ.ศ.2564 จากสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย
  • นำทีมกรมควบคุมโรคเข้ารับรางวัลที่สะท้อนถึงศักยภาพการนำองค์กรให้บริการประขาชนอย่างยอดเยี่ยมอีกหลายรางวัลทั้งในระดับขาติและนานาชาติ ดังนี้
    • รางวัลเกียรติคุณ ต้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภท องค์กรภาครัฐและภาคประขาสังคม ประจำปี 2564 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (National Innovation Award 2021)
    • รางวัลเกียรติยศ UNPSA : United Nations Public Service Awards ปี 2021 the United Nations Public Service Awards (UNPSA) 2021 for the Department of Disease Control's initiative titled "Intelligent and Sustainable Public Health Emergency System in Thailand," which enhances the response to emergency and health threats and seeks to achieve two Sustainable Development Goals (SDGs), namely, Goal 3 and Goal 17.
    • รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ ในปีพ.ศ.2565 โดยกรมควบคุมโรค จำนวน 1 รางวัล เป็นรางวัลสูงสุด มอบให้แก่หน่วยงานของรัฐที่เป็นองค์กรต้นแบบที่มีความสำเร็จในการพัฒนาที่เป็นเลิศตอบสนองต่อโอกาสและความท้าทายขององค์การ สามารถเป็นตัวอย่างและแนวปฏิบัติที่ดีให้กับองค์การอื่นนำไปใช้ประโยชน์ มีผลงานที่โดดเด่น สร้างคุณค่าต่อสังคม และประเทศ มีการเตรียมความพร้อมขององค์การเพื่อรองรับอนาคต รวมทั้งมีการนำผลงานไปขยายผลเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

#MahidolUniversityNotableAlumni

 

อ่านเรื่องราว