โทรติดต่อ:
ทพญ.
จุฑารัตน์
จินตกานนท์

ทพญ.จุฑารัตน์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัยโรคช่องปากและเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณทวิทยา ท่านมีผลงานที่สร้างผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ได้แก่ 1. การพัฒนามาตรฐานการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในระบบต้องโทษในเรือนจำ/ทัณฑสถาน โดยพัฒนากระบวนการคัดกรอง และหลักสูตรการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน 2. การพัฒนาระบบบริการสุขภาพในเรือนจำ โดยการผลักดันการขึ้นทะเบียนสถานพยาบาลในเรือนจำและทัณฑสถานให้เป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ และจัดทำแนวทางการพัฒนาระบบบริการสุขภาพผู้ต้องขังในเรือนจำ 3. การพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครผู้ต้องขังในเรือนจำ (อสรจ.) โดยปรับปรุงหลักสูตรอาสาสมัครสาธารณสุขในเรือนจำ (อสรจ.) ที่เหมาะกับบริบทเรือนจำที่เป็นมาตรฐาน และจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพ อาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) ระหว่าง กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข 4. ควบคุมกำกับการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสถานที่คุมขัง และ 5.การกำกับติดตามการดำเนินงานโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

ดร.
ยูเนียนสาสมีต้า
สาเมาะ

ดร. ยูเนียนสาสมีต้า มีผลงานที่เกิดจากการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้และเกิดประโยชน์เชิงประจักษ์ในด้านการศึกษาได้แก่การจัดการศึกษาแบบทวิ-พหุภาษา (Mother Tongue-based Bi/Multilingual Education) และการเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรม (Intercultural Education) โดยในส่วนของ “การจัดการศึกษาแบบทวิ-พหุภาษา” ได้มีการประยุกต์ใช้ภายใต้การดำเนินงานโครงการวิจัยระยะยาว (9 ปี) ในโรงเรียนนำร่องจำนวน 4 โรงในพื้นที่สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ประกอบด้วย จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล) หลังจากนั้นมีการขยายผลไปสู่โรงเรียน 15 โรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ การดำเนินงานโครงการดังกล่าวเป็นที่ยอมรับและสร้างชื่อเสียงในระดับชาติผ่านรางวัล “ผลงานประดิษฐ์ คิดค้น ประจำปี พ.ศ. 2555 ระดับดี มอบโดยสภาวิจัยแห่งชาติ” ในขณะเดียวกันเป็นที่ยอมรับและสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติผ่านรางวัล “King Sejong Literacy Prize ปี ค.ศ. 2016” มอบโดย UNESCO นอกจากนี้ อีกหนึ่งผลงานที่มีการนำไปประยุกต์และเกิดประโยชน์ด้านการศึกษาแก่นักเรียนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ การเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรม (Intercultural Education)  ภายใต้การดำเนินงานโครงการวิจัย “วิจัยปฏิบัติการพัฒนาสื่อพหุภาษา-พหุวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ภาษาและเสริมสร้างทักษะการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจสำหรับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” สนับสนุนโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ซึ่งผลของการดำเนินงานโครงการฯ ดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรมแก่นักเรียนในบริบทพหุวัฒนธรรมชายแดนภาคใต้ ผลจากการยอมรับดังกล่าว ทำให้โครงการฯ ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยในปี พ.ศ. 2566 เพื่อต่อยอดและขยายผลความสำเร็จไปสู่โรงเรียนอื่น ๆ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 15 โรง ต่อไป

#MahidolUniversityNotableAlumni

 

อ่านเรื่องราว

ดร.
มิรินด้า
บูรรุ่งโรจน์

ดร. มิรินด้า บูรรุ่งโรจน์ เป็นผู้มีผลงานวิจัยเชิงพัฒนาในด้านการจัดการศึกษาที่ใช้ “ต้นทุนทางภาษาและวัฒนธรรม” เป็นกลไกในการพัฒนาการรู้หนังสือสำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากงานวิจัยด้านการจัดการศึกษาที่ใช้ภาษาแม่และวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นฐานทั้งในรูปแบบทวิ-พหุภาษา (MTB-MLE) ในพื้นที่ชายแดนใต้และเกาะลันตา รวมถึงการสอนภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง (TSL) สำหรับบุตรหลานแรงงานข้ามชาติในพื้นที่แม่สอดและระนอง และการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรม (ICE) สำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มชาวเลอูรักลาโวยจ กลุ่มมุสลิม กลุ่มจีนและกลุ่มไทยใต้ และยังมีผลงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรวม 28 โครงการ  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 จนถึงปัจจุบัน ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวทำให้เกิดนวัตกรรมเรียนรู้ภาษาแม่/ภาษาท้องถิ่นและภาษาไทยจำนวนมากกว่า 1,500 ชิ้น โดยมีโรงเรียนที่เป็นเครือข่ายวิจัยจำนวน 63 แห่ง และมีครูที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพด้านการสอนมากกว่า 270 คน และนักเรียนที่ได้รับประโยชน์จำนวนมากกว่า 5,800 คน.

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

รศ.
กรรณิการ์
วิจิตรสุคนธ์

รองศาสตราจารย์กรรณิการ์ วิจิตรสุคนธ์ สำเร็จการศึกษาอนุปริญญาพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล  และวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (สาธารณสุขศาสตร์) มหาวิทยาลัยมหิดล ท่านเป็นอาจารย์พยาบาลที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตลอดระยะเวลาของการเป็นอาจารย์ ท่านอุทิศตนในการสอน ถ่ายทอดความรู้เพื่อพัฒนาการศึกษาพยาบาลอย่างเต็มที่ โดยได้รับรางวัลการสอนภาคปฏิบัติดีเด่น และรางวัลพยาบาลดีเด่นสาขาการศึกษาพยาบาล ประเภทผู้ปฏิบัติการศึกษา จากสภาการพยาบาล ท่านเป็นผู้มีความรู้ความสามารถทางวิชาการเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นอย่างมาก ท่านเป็นวิทยากรในการถ่ายทอดความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่งตำรา และเขียนบทความ ตลอดจนทำวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพการพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ ท่านมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย โครงการพัฒนาหลักสูตรและอาจารย์พยาบาล เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำหรับนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ได้รับทุนสนับสนุนจากองค์การเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF)  ทำให้พยาบาลที่จบใหม่มีความรู้ในการส่งเสริม สนับสนุน และคุ้มครองการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สามารถให้คำแนะนำและการช่วยเหลือแม่ให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ อีกทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มและสนับสนุนให้จัดทำหลักสูตรและเปิดการอบรมหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทางสาขาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นหลักสูตรแรกในประเทศไทย โดยเปิดอบรมในปี พ.ศ. 2561 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับประเทศ และได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงสาธารณสุขในการจัดให้พยาบาลนมแม่ทั่วประเทศได้เข้ามารับการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง ท่านเป็นกรรมการอำนวยการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กรรมการอำนวยการจัดประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติของมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ซึ่งจัดทุก 2 ปี ปัจจุบันเป็นครั้งที่ 8 รองศาสตราจารย์กรรณิการ์ วิจิตรสุคนธ์เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมพยาบาลนมแม่ประเทศไทย และเป็นนายกสมาคมคนแรกเพื่อพัฒนาศักยภาพพยาบาลนมแม่และพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำให้เกิดความร่วมมือและความสามัคคีระหว่างสมาชิกและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นองค์กรวิชาชีพที่เข้มแข็งและมีบทบาทในการขับเคลื่อนงานด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในการปกป้องส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ท่านได้อุทิศตนในการทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ โดยอุทิศตนร่วมงานช่วยเหลือเด็ก ครอบครัว และองค์กรเครือข่ายการทำงานพัฒนาสังคมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันกว่า 22 ปี โดยมีส่วนร่วมดำเนินงาน เช่น การเป็นวิทยากรให้ความรู้และกำลังใจแก่ผู้รับเลี้ยงเด็ก และครูของบ้านรับเลี้ยงเด็กในชุมชน การพัฒนาหลักสูตรองค์รวมเพื่อสร้างขีดความสามารถให้แก่ผู้ดูแลเด็ก 0-3 ปี ปัจจุบันเป็นเลขาธิการมูลนิธิฯ จากผลงานและคุณความดีที่ท่านได้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ต่อสังคมและมวลชนตลอดมาทำให้ท่านได้รับรางวัล “ดาราอวอร์ด” ประจำปี พ.ศ. 2558 จากเสถียรธรรมสถานที่มอบให้บุคคลที่ทำประโยชน์ให้แก่สังคมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับจุลภาค ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น จนถึงระดับมหภาพ คือสังคมไทยและสังคมโลก ด้วยเป็นที่ประจักษ์ทั้งด้านความสามารถในทางวิชาการและการอุทิศตนในการทำงานเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง  ท่านได้รับรางวัลมหิดลทยากร ปี 2563 จากสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล และได้รับการคัดเลือกจากสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ให้เป็น “สตรีไทยดีเด่น ประจำปี 2564”

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

คุณ
ธนัตถ์
วีรวัฒนาธิกุล

คุณธนัตถ์ วีรวัฒนาธิกุล สำเร็จการศึกษาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาสังคมศาสตร์ จากวิทยาลัยนานาชาติ ม.มหิดลในปี พ.ศ. 2557 และได้ศึกษาต่อปริญญาโทสาขากฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยเคนต์ ประเทศอังกฤษ กว่า 8 ปีที่เขาทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมในองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง เช่น องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) คณะกรรมการช่วยเหลือระหว่างประเทศ (IRC) และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) คุณธนัตถ์ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาชุมชนในจังหวัดภาคเหนือโดยเฉพาะกลุ่มคนชายขอบ เช่น ชนกลุ่มน้อย ผู้อพยพ และผู้ลี้ภัย ปัจจุบัน คุณธนัทกำลังทำงานร่วมกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) นอกจากนั้นแล้ว คุณธนัทยังได้ก่อตั้งกลุ่มอาสาสมัครชื่อ “อาสาสร้างสัน” ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัครเฉพาะสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยวัตถุประสงค์หลักของกลุ่มอาสาสมัครนี้คือ การทำกิจกรรมให้ความรู้แก่เด็กชาวเขาในหมู่บ้านชาวเขาที่ห่างไกลที่สุดในประเทศไทย รวมไปถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ เช่น ระบบน้ำและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

ดร.
สุวิทย์
เมษินทรีย์

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นผู้พัฒนาและผลักดันแนวคิด Thailand 4.0 ในช่วงปี 2560-2562 ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย Thailand 4.0 เป็นโมเดลที่มีจุดมุ่งหมายในการนำพาประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล้ำและกับดักความไม่สมดุล ในบริบทของพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางที่แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีได้วางไว้ โดยใช้แนวคิด “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ในช่วงปี 2562 – 2563  ดร.สุวิทย์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้นำเสนอโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ทุกประเทศสามารถนำไปใช้ได้โดยประยุกต์ให้เข้ากับบริบทภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม หรือวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ เนื่องจากความท้าทายในยุคปัจจุบันคือ ‘stakeholder’ ที่กระจายในทุกภาคส่วน แต่การใช้ BCG จะช่วยรวมคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาไว้ด้วยกันและทำให้มีเป้าหมายเดียวกัน เศรษฐกิจในแบบ BCG มีคุณสมบัติอย่างน้อย 5 ข้อ คือ 1.อาศัยจุดแข็งของความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม 2.การกระจายตัวของสาขายุทธศาสตร์และอุตสาหกรรมเป้าหมายมีจำนวนพอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป 3.การกระจายตัวของผู้ประกอบการ ครอบคลุมผู้ประกอบการในระดับฐานราก วิสาหกิจชุมชน SMEs ผู้ประกอบการรายใหญ่และสตาร์ทอัพ 4.การเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น เศรษฐกิจภูมิภาค เศรษฐกิจระดับประเทศและเศรษฐกิจโลกเข้าด้วยกัน และ 5.สร้างสมดุลระหว่างการนำเข้าเทคโนโลยี กับการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ หลังจากที่ ดร.สุวิทย์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการในปี 2563 ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Youth in Charge ‘การพัฒนาคน’ ในแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุ 15-22 ปี ได้ร่วมออกแบบและสร้างอนาคตของตัวเองในมิติต่างๆ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของพลังเยาวชนจากหลากหลายพื้นเพ ในการขับเคลื่อนวาระสำคัญๆที่มีผลต่อชีวิต ความเป็นอยู่และอนาคตของเจนเรชั่นของพวกเขา จากปัญหาว่า ‘เสียงของเยาวชนมักไม่ค่อยมีผู้ใหญ่รับฟัง’ Youth in Charge จึงเป็นแพลตฟอร์มของการเป็นพื้นกลางในการแลกเปลี่ยน พื้นที่กลางในการมีส่วนร่วม การฟังแล้วได้ยิน และเป้าหมายคือการนำไปสู่การกระทำที่เป็นรูปธรรม

#MahidolUniversityNotableAlumni

 

Related Stories 

“สุวิทย์ เมษินทรีย์” ชี้โมเดล ศก. BCG การปรับเปลี่ยนเชิงระบบและยุทธศาสตร์ Game Changer ที่แท้จริงของไทย Click

“สุวิทย์ เมษินทรีย์” ปลุกพลัง 3 มหาวิทยาลัย สร้างคนใหม่ กำหนดอนาคตโลก Click

อ่านเรื่องราว

ดร.
ฐัช
หัชลีฬหา

“สตาร์ทอัพภูธร” เกิดขึ้นเพื่อทำให้คนในสังคมชนบทเข้าถึงเทคโนโลยีได้ เพราะเรามองว่าสิ่งหนึ่งที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ คือ โอกาส และ รายได้ " เมื่อจบการศึกษาในระดับปริญญาโทจากวิทยาลัยการจัดการ คุณฐัชได้นำประสบการณ์ไปทำธุรกิจของครอบครัว เกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจของ J&C (การพัฒนาร้านโชว์ห่วยให้กลายเป็น Modern Trade ที่มีการบริหารจัดการด้วยระบบเน็ตเวิร์ค) เกิดเป็นรูปแบบการทำธุรกิจใหม่จนได้รับทุนการศึกษาให้เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนีด้าน Digital Marketing และกลับมาผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนนวัตกรรมร้านค้าสร้างอาชีพเพื่อชุมชน J&C imart เปลี่ยนหน้าบ้านเป็นหน้าร้าน สร้างโอกาสเพิ่มรายได้ ในสังคมผ่านระบบการจัดการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้รับการขึ้นทะเบียน Digital Provider โดย Depa (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) แบบระบบ omni- channel ควบคู่ไปกับระบบสมาชิกที่มีประโยชน์ร่วมกันในการผลิต- ซื้อ-ขาย-สินค้าในชุมชน ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงและเป็นความสำเร็จที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง ทั้งยืนยันได้จากรางวัลที่ได้รับมาตลอดช่วงปี 2020 - 2022 นั่นคือรางวัล The Best Retail Franchise โดย กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงล่าสุดที่ “ดร.ฐัช” เพิ่งก้าวขึ้นรับ “รางวัลสุดยอดบุคคล สาขา Digital Platform for Society” ในงาน Thailand Digital Awards 2022 ครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการโครงการพัฒนานักบริหารภาครัฐและภาคเอกชนสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ พร้อมกันนี้ ระบบ platform J&C imart ยังได้รับความร่วมมือกับภาคเอกชน และรัฐอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น การทำ MOU  กับธนาคารกรุงไทย และกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม (Depa) ในการพัฒนาสร้างผู้ประกอบการดิจิทัลในชุมชนทั่วประเทศไทย โดย จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ learning center และ co working space @Thailand Digital Valley ปัจจุบัน Platform J&C imart ได้สร้างผู้ประกอบการและส่งเสริมให้ผู้คนเข้าถึงโอกาสมีรายได้ใน 200 ชุมชนทั่วประเทศไทย และขยายไปกลุ่มประเทศ CLMV พร้อมวางรากฐานในการเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2569

#MahidolUniversityNotableAlumni

 

Related Stories 

⮕ “ดร.ฐัช หัชลีฬหา” สุดยอดคีย์แมนแห่งค่าย J&C กับการคว้ารางวัลศิษย์เก่ารุ่นใหม่ดีเด่น ม.มหิดล Click

⮕ “ดร.ฐัช หัชลีฬหา”คว้ารางวัลสุดยอดบุคคล “สาขา Digital Platform for Society” Click

อ่านเรื่องราว

ภญ.ดร.
สุภาภรณ์
ปิติพร 

● Healthcare เป็นผู้พัฒนายาจากสมุนไพรเพื่อรักษาเริมในปากเด็ก ได้คิดค้นพัฒนาผลิตยากลีเซอรีนพญายอ โดยเป็นครั้งแรกที่มีการผลิตยาจากสมุนไพรไทย ปัจจุบัน ดร. ภญ. สุภาภรณ์ มีส่วนผลักดันศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อเป็นหน่วยที่ทำการรวบรวมข้อมูลความรู้สมุนไพร

● Manufacturing & Industry เป็นผู้ริเริ่มให้เกิดการผลิตยาจากสมุนไพรที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพและความปลอดภัย เป็นผู้ผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์สมุนไพรอภัยภูเบศรมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 โดยปัจจุบันมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้รับมาตรฐานGMP-PIC/S และได้รับการยกระดับมาตรฐานการผลิตยาและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้เทียบเท่ากับมาตรฐานของสหภาพยุโรป(EU-GMP)

● Social Impact เป็นผู้ริเริ่มและสนับสนุนโครงการสาธิตการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรมุ่งหวังจะเสริมศักยภาพของประชาชนในการนำไปประกอบอาชีพ ซึ่งโครงการนี้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นโครงการดีเด่นของชาติสาขาพัฒนาสังคม (ด้านสมุนไพรไทย) จากคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติในปี พ.ศ. 2545

● Education เป็นผู้รวบรวมองค์ความรู้สมุนไพรจากหมอยาพื้นบ้านในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงการส่งต่อข้อมูลการใช้จากบรรพบุรุษนำมาเรียบเรียงถ่ายทอดเป็นหนังสือบันทึกแผ่นดินทั้งหมด 12 เล่มและข้อมูลความรู้สมุนไพรอื่นๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551-ปัจจุบัน

ดร. ภญ. สุภาภรณ์สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหิดลในระดับปริญญาตรี-เอกดังนี้

ปี พ.ศ. วุฒิการศึกษา คณะ/สถาบัน/
2525 ปริญญาตรี สาขา เภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์
2540 ปริญญาโท สาขา การบริหารการสาธารณสุขมูลฐานอาเซียน สถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน
2547 ปริญญาเอก สาขา สังคมศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์


#MahidolUniversityNotableAlumni

 

Related Stories 

⮕ สุภาภรณ์ ปิติพร : เภสัชกรหญิง ผู้บุกเบิกสมุนไพรอภัยภูเบศร Click

อ่านเรื่องราว

คุณ
วรรณา
จารุสมบูรณ์

ตลอดระยะเวลา 20 ปี คุณวรรณา เป็นผู้บุกเบิกและก่อตั้งกลุ่ม Peaceful Death มีผลงานเด่นในเรื่องการสร้างความตระหนักวิถีสู่ความตายอย่างสงบ โดยการจัดกิจกรรมรณรงค์และเผยแพร่องค์ความรู้ผ่านการจัดอบรมหลักสูตรเผชิญความตายอย่างสงบร่วมกับพระไพศาล วิสาโล ซึ่งช่วยจุดประกายเรื่องการเตรียมตัวตายขึ้นในสังคมไทย โดยมีผู้ป่วย ผู้ดูแลผู้ป่วย บุคลากรสุขภาพ นักปฏิบัติธรรม และผู้สนใจทั่วไปสมัครเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง และยังร่วมมือกับเครือข่ายสหวิชาชีพก่อตั้งสมาคมบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย เผยแพร่องค์ความรู้ด้านการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง และพัฒนาเครือข่ายคนทำงานด้านการดูแลประคับประคองจนขยายวงไปทั่วประเทศ นอกจากนี้คุณวรรณา ยังเป็นผู้ริเริ่มรณรงค์สร้างความตระหนักด้านการเตรียมตัวตายในพื้นที่สาธารณะ อาทิเช่น งาน Before I Die @เซ็นทรัลเวิล์ด / งาน Happy Deathday @ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ / งานซ้อมตายกับนิ้วกลม@วัดธาตุทอง เป็นต้น เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติและส่งเสริมวัฒนธรรมความตายให้เป็นเรื่องที่คุยกันได้ในครอบครัวและสังคม ดังนั้นกลุ่ม Peaceful Death ภายใต้การบริหารของวรรณา จึงผลิตหนังสือ คู่มือ เกม คลิปวิดีโอ และบทความต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และเผยแพร่ผ่านโซเซียลมีเดีย (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์และเพจ Facebook : https://peacefuldeath.co/ และ https://www.facebook.com/peacefuldeath2011/ ปัจจุบันมีสนใจติดตามกว่า 3 แสนคน)

#MahidolUniversityNotableAlumni

 

Related Stories 

⮕ เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว ไปกับ วรรณา จารุสมบูรณ์ แนวคิดชุมชนกรุณา สังคมจะดีกว่าได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ Click

⮕ วรรณา จารุสมบูรณ์ ประธานกลุ่ม Peaceful Death ชวนออกแบบชีวิตเพื่อการอยู่ดีและตายดี Click

อ่านเรื่องราว

รองศาสตราจารย์ นพ.
อดิศักดิ์
ผลิตผลการพิมพ์

รองศาสตราจารย์ นพ. อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หรือผู้บุกเบิกงานการป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ และความรุนแรงในเด็กของประเทศไทย กว่าจะเป็นหมอที่ทำงานป้องกันการบาดเจ็บในชีวิตเด็ก จากประสบการณ์ ในวงการแพทย์หลายสิบปี พบว่า“อุบัติเหตุและความปลอดภัยในเด็ก” มักเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เด็กเสียชีวิตหรือพิการ และยังทำให้เกิดผลร้ายต่อจิตใจพ่อแม่และคนที่เกี่ยวข้อง จึงเริ่มต้นบุกเบิกตั้งใจที่จะทำงานที่ตนรักและสนใจเกี่ยวกับความปลอดภัยในเด็ก ซึ่งความปลอดภัยเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ (Safety right is a fundamental human right) เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลเพื่อให้เติบโต มีพัฒนาการที่ดี ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอยภัยอย่างเสมอภาคกัน

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว