โทรติดต่อ:
ดร.
มิรินด้า
บูรรุ่งโรจน์

ดร. มิรินด้า บูรรุ่งโรจน์ เป็นผู้มีผลงานวิจัยเชิงพัฒนาในด้านการจัดการศึกษาที่ใช้ “ต้นทุนทางภาษาและวัฒนธรรม” เป็นกลไกในการพัฒนาการรู้หนังสือสำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากงานวิจัยด้านการจัดการศึกษาที่ใช้ภาษาแม่และวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นฐานทั้งในรูปแบบทวิ-พหุภาษา (MTB-MLE) ในพื้นที่ชายแดนใต้และเกาะลันตา รวมถึงการสอนภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง (TSL) สำหรับบุตรหลานแรงงานข้ามชาติในพื้นที่แม่สอดและระนอง และการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรม (ICE) สำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มชาวเลอูรักลาโวยจ กลุ่มมุสลิม กลุ่มจีนและกลุ่มไทยใต้ และยังมีผลงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรวม 28 โครงการ  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 จนถึงปัจจุบัน ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวทำให้เกิดนวัตกรรมเรียนรู้ภาษาแม่/ภาษาท้องถิ่นและภาษาไทยจำนวนมากกว่า 1,500 ชิ้น โดยมีโรงเรียนที่เป็นเครือข่ายวิจัยจำนวน 63 แห่ง และมีครูที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพด้านการสอนมากกว่า 270 คน และนักเรียนที่ได้รับประโยชน์จำนวนมากกว่า 5,800 คน.

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

ศ.ดร.
เกศรา
ณ บางช้าง

ศ.ดร.เกศรา ได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ปี 2564 สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช ผู้มีบทบาทสำคัญในการ “ปราบมาลาเรียดื้อยา” และ “พัฒนายามะเร็งท่อน้ำดี” และเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันงานวิจัยทางด้านมาลาเรียในประเทศไทยให้ได้มาตรฐานสากลจนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ ศ.ดร.เกศรา ได้พัฒนาการรักษา “โรคมะเร็งท่อน้ำดี” โดยศึกษาค้นคว้าและพัฒนาสมุนไพรที่ใช้ในการแพทย์ เช่น Atractylodes lancea (Thunb) จาก Reverse pharmacology approach ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการวิจัยทางคลินิกระยะที่ 2 เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัย ผลงานวิจัยของศ.ดร.เกศรา ได้รับการยอมรับและนำไปศึกษาต่อยอด ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงองค์การระดับนานาชาติ เช่น องค์การอนามัยโลก (UNDP World Bank Special Program for Research and Training in Tropical Diseases: WHO/TDR)  โดยผลงานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติจำนวน 368 เรื่อง และวารสารวิชาการระดับชาติจำนวน 63 เรื่อง และได้รับการอ้างอิงทางวิชาการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 จนถึงปัจจุบันจำนวนทั้งสิ้น 5,245 ครั้ง

#MahidolUniversityNotableAlumni

Related Stories 

วช. ยกย่องศาสตราจารย์ ดร.เกศรา ณ บางช้าง เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช ประจำปี 2564 Click

 

อ่านเรื่องราว

รศ.
กรรณิการ์
วิจิตรสุคนธ์

รองศาสตราจารย์กรรณิการ์ วิจิตรสุคนธ์ สำเร็จการศึกษาอนุปริญญาพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล  และวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (สาธารณสุขศาสตร์) มหาวิทยาลัยมหิดล ท่านเป็นอาจารย์พยาบาลที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตลอดระยะเวลาของการเป็นอาจารย์ ท่านอุทิศตนในการสอน ถ่ายทอดความรู้เพื่อพัฒนาการศึกษาพยาบาลอย่างเต็มที่ โดยได้รับรางวัลการสอนภาคปฏิบัติดีเด่น และรางวัลพยาบาลดีเด่นสาขาการศึกษาพยาบาล ประเภทผู้ปฏิบัติการศึกษา จากสภาการพยาบาล ท่านเป็นผู้มีความรู้ความสามารถทางวิชาการเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นอย่างมาก ท่านเป็นวิทยากรในการถ่ายทอดความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่งตำรา และเขียนบทความ ตลอดจนทำวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพการพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ ท่านมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย โครงการพัฒนาหลักสูตรและอาจารย์พยาบาล เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำหรับนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ได้รับทุนสนับสนุนจากองค์การเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF)  ทำให้พยาบาลที่จบใหม่มีความรู้ในการส่งเสริม สนับสนุน และคุ้มครองการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สามารถให้คำแนะนำและการช่วยเหลือแม่ให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ อีกทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มและสนับสนุนให้จัดทำหลักสูตรและเปิดการอบรมหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทางสาขาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นหลักสูตรแรกในประเทศไทย โดยเปิดอบรมในปี พ.ศ. 2561 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับประเทศ และได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงสาธารณสุขในการจัดให้พยาบาลนมแม่ทั่วประเทศได้เข้ามารับการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง ท่านเป็นกรรมการอำนวยการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กรรมการอำนวยการจัดประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติของมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ซึ่งจัดทุก 2 ปี ปัจจุบันเป็นครั้งที่ 8 รองศาสตราจารย์กรรณิการ์ วิจิตรสุคนธ์เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมพยาบาลนมแม่ประเทศไทย และเป็นนายกสมาคมคนแรกเพื่อพัฒนาศักยภาพพยาบาลนมแม่และพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำให้เกิดความร่วมมือและความสามัคคีระหว่างสมาชิกและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นองค์กรวิชาชีพที่เข้มแข็งและมีบทบาทในการขับเคลื่อนงานด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในการปกป้องส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ท่านได้อุทิศตนในการทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ โดยอุทิศตนร่วมงานช่วยเหลือเด็ก ครอบครัว และองค์กรเครือข่ายการทำงานพัฒนาสังคมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันกว่า 22 ปี โดยมีส่วนร่วมดำเนินงาน เช่น การเป็นวิทยากรให้ความรู้และกำลังใจแก่ผู้รับเลี้ยงเด็ก และครูของบ้านรับเลี้ยงเด็กในชุมชน การพัฒนาหลักสูตรองค์รวมเพื่อสร้างขีดความสามารถให้แก่ผู้ดูแลเด็ก 0-3 ปี ปัจจุบันเป็นเลขาธิการมูลนิธิฯ จากผลงานและคุณความดีที่ท่านได้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ต่อสังคมและมวลชนตลอดมาทำให้ท่านได้รับรางวัล “ดาราอวอร์ด” ประจำปี พ.ศ. 2558 จากเสถียรธรรมสถานที่มอบให้บุคคลที่ทำประโยชน์ให้แก่สังคมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับจุลภาค ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น จนถึงระดับมหภาพ คือสังคมไทยและสังคมโลก ด้วยเป็นที่ประจักษ์ทั้งด้านความสามารถในทางวิชาการและการอุทิศตนในการทำงานเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง  ท่านได้รับรางวัลมหิดลทยากร ปี 2563 จากสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล และได้รับการคัดเลือกจากสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ให้เป็น “สตรีไทยดีเด่น ประจำปี 2564”

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

ภก.
เพียร
เพลินบรรณกิจ

ภก.เพียร เพลินบรรณกิจ มีความสนใจงานด้านนโยบายสาธารณสุขและการเข้าถึงยา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการด้านการบริหารการเข้าถึงยาในบริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำ ในด้านวิชาชีพเภสัชกรรมดำรงตำแหน่งกรรมการอำนวยการเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ 2 สมัย (พ.ศ.2559-2564) และกรรมการสมาคมเภสัชกรรมการตลาด (ประเทศไทย) จนถึงปัจจุบัน

ภก.เพียร เป็นผู้ผลักดันและประสานงานกับสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ประเทศเยอรมันและหน่วยงานของรัฐ เพื่อนำยา Tiotropium bromide และยา Tenecteplase เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ทำให้ผู้ป่วยทุกสิทธิประกันสุขภาพที่ป่วยเป็นโรคปอดเรื้อรัง COPD และ STEMI ตามลำดับเข้าถึงยาตามแนวเวชปฏิบัติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นภายใต้งบประมาณที่ภาครัฐสามารถบริหารจัดการได้และภาคเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในบริบทของประเทศไทย

ภก.เพียร ได้รับทุนรัฐบาลสหราชอาณาจักร (Chevening scholarship) ซึ่งเป็นหนึ่งในทุนที่มีการแข่งขันมากที่สุดในโลกโดยมีผู้สมัครและผ่านการคัดเลือกเพียงร้อยละ 3 เพื่อไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้าน นโยบาย การวางแผน และการคลังด้านสุขภาพ (Health Policy, Planning and Financing) ณ วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (London School of Economics and Political Science: LSE) และ วิทยาลัยการอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งลอนดอน (London School of Hygiene & Tropical Medicine: LSHTM) มหาวิทยาลัยลอนดอน และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2565

#MahidolUniversityNotableAlumni

Related Stories

⮕ เพียร เพลินบรรณกิจ : Living with Passion Click

อ่านเรื่องราว

Dr.
Nestor
S. Arce Jr

After graduating from Mahidol University, Dr. Nestor S. Arce Jr went back and work for his country. He strongly believed that wisdom is essential in developing society but it is difficult to work in the depressed area because lack of education and access to quality health care. So, he continues his hard work for over 25 years in the medical academe. When the COVID-19 outbreak started he accepted the challenge from the Department of Health Davao Region to be Frontline doctor work in one of their COVID facility in Davao del Sur knowing the risk and unprecedented pressure as well the physical and psychological impact especially on managing patients infected with COVID 19 in a resource limited setting. Now he has a new challenge as the dean of the college of Medicine of Jose Maria College Foundation, with his heart and his mission to create future health care workers who have character imbued with strong empathy to work for the marginalized and underserved sector in his country.

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

รศ. กภ.
กานดา
ใจภักดี

รองศาสตราจารย์.กภ.กานดา ใจภักดี ในฐานะบัณฑิตกายภาพบำบัดรุ่นแรกของประเทศไทย ได้ร่วมก่อตั้งชมรมกายภาพบำบัดและดำรงตำแหน่งประธานคนแรกเมื่อ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๓ ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นสมาคมกายภาพบำบัดแห่งประเทศไทย รองศาสตราจารย์.กภ.กานดา ในฐานะอาจารย์กายภาพบำบัดรุ่นแรกได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังทรัพย์เพื่อปลูกฝังศิษย์ให้เป็นนักกายภาพบำบัดที่ดีมีคุณธรรม หลักสูตรกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นรากฐานในการพัฒนาหลักสูตรกายภาพบำบัดให้แก่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในเวลาต่อมา รองศาสตราจารย์.กภ.กานดา ได้เขียนบทความวิชาการ รายงานวิจัย และแต่งตำรา เรื่อง วิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว  ในฐานะข้าราชการได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบอย่างสูง ตั้งมั่นในคุณธรรมความดี เสียสละ วิริยอุตสาหะ ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย  ในฐานะผู้บริหารโรงเรียนกายภาพบำบัดได้ร่วมพัฒนาหลักสูตรกายภาพบำบัดระดับปริญญาโทและปริญญาเอกเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และร่วมผลักดันให้เกิดคณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวประยุกต์ ในมหาวิทยาลัยมหิดล และดำรงตำแหน่งคณบดีคนแรก รวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมศิษย์เก่าคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล และก่อตั้งมูลนิธิคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

รศ.ดร.
ณรงค์ศักดิ์
หนูสอน

ปัจจุบันรองศาสตราจารย์ ดร.ณรงค์ศักดิ์  หนูสอน ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ตลอดจนตำแหน่งทางการบริหารต่าง ๆ มามากกว่า 20 ปี โดยเริ่มจากตำแหน่งหัวหน้างานอาชีวอนามัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย กระทรวงสาธารณสุข อีกทั้งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยและองค์กรด้านสุขภาพอื่น ในระดับชาติและระดับนานาชาติ การได้รับรางวัลบุคลากรดีเด่นในระดับมหาวิทยาลัยและระดับนานาชาติ มีผลงานวิจัยทางด้านสาธารณสุขและด้านการส่งเสริมสุขภาพที่มี Publication ทั้งในระดับชาติและนานาชาติเป็นจำนวนมาก มีการแต่งหนังสือในด้านการส่งเสริมสุขภาพที่ได้รับการเผยแพร่และใช้ในการอ้างอิงและในการเรียนการสอนจำนวน 3 เล่ม เป็นอาจารย์ผู้สอนและที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์นิสิตไทยและนิสิตต่างชาติ ซึ่งมีผลงานตีพิมพ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติ

เกียรติประวัติการได้รับรางวัล

ปี พ.ศ. ชื่อรางวัล ชื่อองค์กรที่มอบ
 2544 ข้าราชการพลเรือนดีเด่นจังหวัดสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
2546 หัวหน้างานอาชีวอนามัยดีเด่นระดับประเทศ กระทรวงแรงงาน
 2553 บุคลากรดีเด่นสายวิชาการ มหาวิทยาลัยนเรศวร
2559 บุคลากรดีเด่นสายวิชาการ มหาวิทยาลัยนเรศวร
2564 ศิษย์เก่าดีเด่นบัณฑิตวิทยาลัย ประจำปี 2564 ประเภทการบริหาร มหาวิทยาลัยมหิดล
2565 ศิษย์เก่าดีเด่นวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

รศ.ดร.
วราภรณ์
ชัยวัฒน์

รองศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ ชัยวัฒน์ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในสาขาการพยาบาลเด็ก โดยเป็นที่ประจักษ์จากผลงานทางวิชาการและงานวิจัยจำนวนมาก ท่านได้พัฒนาเครื่องมือวิจัยและเครื่องมือประเมินที่จำเป็นต่อการส่งเสริมสุขภาพเด็กจำนวนมาก เช่น Thai State-Trait Anxiety Inventory for Children-Revised, Thai Child Medical Fear Scale, Thai Developmental Screening Tool for Infants and Toddlers (TDST), Thai Modified Checklist for Autism in Toddlers  (TM-CHAT), Parental Feeding Behaviors (Indonesian)  เป็นต้น สำหรับการส่งเสริมสุขภาพวัยรุ่น ท่านได้ร่วมศึกษากระบวนการเลี้ยงดูวัยรุ่นที่มีสุขภาพดีในบริบทสังคมไทย และนำสู่งานวิจัยที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพวัยรุ่นด้านต่างๆ เช่น การจัดการความเครียด การละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เป็นต้น นอกจากนี้ท่านยังได้สร้างวิจัยเพื่อพัฒนาสุขภาพประชาชนไทยในอีกหลากหลายด้าน งานที่สำคัญชิ้นหนึ่งคือ งานวิจัยเกี่ยวกับการปฏิบัติอย่างอิสระของพยาบาล (Independent practice of professional nurse) โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2544 ซึ่งทำให้ในระยะต่อมามีการศึกษาวิจัยและผลักดันให้เกิดการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Entrepreneurship ของพยาบาลเป็นอย่างมาก ตลอดระยะเวลาการเป็นอาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ดร.วราภรณ์สอนและเป็นกรรมการบริหารหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก โดยเป็นกรรมการบริหารหลักสูตรพยาบาลศาสตรดุษฎีบัณฑิต ตั้งแต่พ.ศ. 2545 ถึง พ.ศ. 2564  ท่านเป็นผู้ที่ทุ่มเทให้กับการเรียนการสอน มุ่งพัฒนานักศึกษาทั้งในด้านความรู้ ความสามารถทางการพยาบาลและการดำรงชีวิต บุกเบิกพานักศึกษาพยาบาลออกให้บริการสุขภาพทั้งในสถานบริการสุขภาพ ชุมชน รวมถึงแหล่งชุมชนด้อยโอกาส ในระยะหลังยังเป็นผู้นำในการเผยแพร่ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพผ่านสื่อออนไลน์รูปแบบต่างๆด้วย ท่านได้รับรางวัล อาจารย์ดีเด่นด้านการเรียนการสอน คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2552 และรางวัลนิสิตเก่าดีเด่น สาขาการศึกษาพยาบาล ประเภทอาจารย์พยาบาล จากสมาคมนิสิตเก่า พยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากการสอนแล้ว ท่านยังได้นำความรู้ทางสาขาการพยาบาลเด็กไปใช้ในการบริการสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกรรมการฝ่ายวิชาการ และเป็นวิทยากรประจำมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เป็นอนุกรรมการบ้านเด็กจุฬาฯ ฯลฯ แม้ในระยะหลังด้วยภารกิจรอบด้าน ท่านจะไม่สามารถทำหน้าที่เป็นกรรมการในลักษณะข้างต้นได้ แต่ก็ยังให้ความร่วมมือกับองค์กรเหล่านี้เสมอทุกครั้งที่มีโอกาส ด้านการพัฒนาวิชาชีพ ท่านเป็นผู้ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาวิชาชีพพยาบาล จึงทำหน้าที่ในฐานะอนุกรรมการและกรรมการชุดต่างๆ ในสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย สภาการพยาบาล และสมาคมพยาบาลกุมารเวชศาสตร์ประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เมื่อวิชาชีพพยาบาลพัฒนาสู่ advanced nursing practice
รศ.ดร.วราภรณ์ได้ทำหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการยกร่างข้อบังคับสภาการพยาบาล ว่าด้วยหลักเกณฑ์การออกหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรเกี่ยวกับความรู้ความชำนาญเฉพาะทางการพยาบาลและการผดุงครรภ์พยาบาล และต่อมาได้อยู่ในคณะผู้บริหารวิทยาลัยพยาบาลและผดุงครรภ์ขั้นสูงแห่งประเทศไทยในการดำเนินการจัดสอบความรู้เพื่อให้พยาบาลวิชาชีพที่สำเร็จปริญญาโททางการพยาบาลสามารถพัฒนาไปเป็นพยาบาลวิชาชีพเชี่ยวชาญเฉพาะสาขา (Advanced Practice Nurse : APN) ด้านการบริหาร ท่านเคยดำรงตำแหน่งทางด้านการบริหารของคณะพยาบาลศาสตร์ ตั้งแต่ปี 2544 โดยมีโอกาสในการรับผิดชอบงานที่หลากหลายทั้งด้านบริหาร ด้านแผนและการคลัง ด้านวิชาการ วิจัย วิเทศ และกิจการนิสิต ตลอดระยะเวลาการทำงาน ท่านได้มีโอกาสทำงานที่ท้าทายด้านต่างๆ มากมาย เช่น ได้ร่วมผลักดันและพัฒนาหลักสูตรพยาบาลมหาบัณฑิต Flexible learning หลักสูตรแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ต้องมีการพัฒนาบทเรียนในลักษณะหนังสือ เทปโทรทัศน์ และการเรียนการสอนในห้องเรียนทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ท่านก็ได้เดินทางโดยรถไฟตู้นอนเพื่อไปพบกับนักศึกษาตลอดระยะเวลาที่มีการสอนในหลักสูตรนี้ เพื่อให้พยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศไทยได้มีโอกาสเรียนรู้ พัฒนาตนเองให้สามารถดูแลสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงที่ประเทศไทยประสบภัยสึนามิในปีพ.ศ. 2547 ทันทีที่ทราบข่าว แม้สึนามิยังไม่สงบ ท่านร่วมเดินทางกับรศ.ดร.จินตนา ยูนิพันธุ์ นายกสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย ณ เวลานั้น เพื่อไปดูแลพยาบาลและประชาชนที่ประสบภัยสึนามิ ทำให้ได้ข้อมูลต่างๆมาร่วมวางแผนในการดูแลฟื้นฟูสุขภาพประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และนำสู่การจัดการศึกษาพยาบาลภาคปฏิบัติในศูนย์พักพิงในจังหวัดภาคใต้โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ และในปีพ.ศ. 2554 เมื่อประเทศไทยประสบมหาอุทกภัย ท่านได้เป็นกำลังหลักของคณะพยาบาลศาสตร์ ในการจัดตั้งหน่วยบริการสุขภาพประชาชนที่อพยพลี้ภัยน้ำท่วม มาอยู่ในศูนย์พักพิงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยท่านต้องเดินทางฝ่าน้ำท่วมมาที่ศูนย์พักพิงด้วยตนเองทุกวันเนื่องจากบุคลากรสุขภาพมีจำกัด ท่านได้นำความรู้ที่ได้จากการบริหารจัดการกำลังคน และทรัพยากรต่างๆ ในช่วงดังกล่าวมาจัดทำเป็นบทเรียนให้กับนักศึกษาอีกเช่นกัน จากประสบการณ์การทำงานบริหารที่หลากหลายรอบด้าน รศ.ดร.วราภรณ์จึงได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่ง คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2560 – 2564 ท่านเป็นผู้บริหาร ที่มีวิสัยทัศน์และนำพาคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันทางการศึกษาทางการพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ ในระหว่างการดำรงตำแหน่งคณบดี ได้มีการระบาดของ Covid-19 มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งศูนย์บริการวัคซีน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นต้นแบบให้กับสังคม เนื่องจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่มีโรงพยาบาลในสังกัด การดำเนินงานในส่วนพยาบาลของศูนย์บริการวัคซีน อาคารจามจุรีสแควร์ คณะพยาบาลศาสตร์จึงเป็นแกนหลัก รศ.ดร.วราภรณ์ได้ใช้ความรู้ และประสบการณ์ ในฐานะพยาบาลและผู้บริหารองค์กร ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆของมหาวิทยาลัย และหน่วยงานภายนอก และอาสาสมัคร ในการบริหารจัดการกำลังคน ทรัพยากร รวมถึงระบบการทำงานต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย การที่ท่านนำอาจารย์ และนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอก มาร่วมให้บริการแก่ประชาชนทุกวัน ตั้งแต่ 8.00-20.00 น และการให้บริการออนไลน์ต่างๆ ทำให้เกิดนักศึกษาและอาจารย์มีมุมมองในการสร้างงานวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาลต่อไปอีกมาก รศ.ดร.วราภรณ์ในฐานะคณบดีได้นำคณะให้ปรับปรุงระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นทั้งในลักษณะ Multifunction, Shared Service, E-document และการทำงานออนไลน์เต็มรูปแบบ ด้านวิชาการส่งเสริมให้เกิด Joint Research Seminar กับมหาวิทยาลัยนานาชาติ การแลกเปลี่ยนนักศึกษากับมหาวิทยาลัยต่างชาติทั้งในลักษณะ onsite และ online นอกจากนี้ยังผลักดันให้คณะฯ ร่วมพัฒนาต้นแบบการศึกษาร่วมกันระหว่างสหสาขาวิชาชีพทางการแพทย์ (Interprofessional education) ที่เป็นการเรียนรู้ผ่านสถานการณ์จําลองเสมือนจริงออนไลน์ (Virtual simulation) และผลักดันให้เกิดหลักสูตรทางการพยาบาลใหม่ซึ่งเป็นหลักสูตร Double degree ในระดับบัณฑิตศึกษากับ Kobe University, ประเทศญี่ปุ่น

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว

ดร.
สุวิทย์
เมษินทรีย์

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นผู้พัฒนาและผลักดันแนวคิด Thailand 4.0 ในช่วงปี 2560-2562 ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย Thailand 4.0 เป็นโมเดลที่มีจุดมุ่งหมายในการนำพาประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล้ำและกับดักความไม่สมดุล ในบริบทของพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางที่แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีได้วางไว้ โดยใช้แนวคิด “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ในช่วงปี 2562 – 2563  ดร.สุวิทย์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้นำเสนอโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ทุกประเทศสามารถนำไปใช้ได้โดยประยุกต์ให้เข้ากับบริบทภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม หรือวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ เนื่องจากความท้าทายในยุคปัจจุบันคือ ‘stakeholder’ ที่กระจายในทุกภาคส่วน แต่การใช้ BCG จะช่วยรวมคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาไว้ด้วยกันและทำให้มีเป้าหมายเดียวกัน เศรษฐกิจในแบบ BCG มีคุณสมบัติอย่างน้อย 5 ข้อ คือ 1.อาศัยจุดแข็งของความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม 2.การกระจายตัวของสาขายุทธศาสตร์และอุตสาหกรรมเป้าหมายมีจำนวนพอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป 3.การกระจายตัวของผู้ประกอบการ ครอบคลุมผู้ประกอบการในระดับฐานราก วิสาหกิจชุมชน SMEs ผู้ประกอบการรายใหญ่และสตาร์ทอัพ 4.การเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น เศรษฐกิจภูมิภาค เศรษฐกิจระดับประเทศและเศรษฐกิจโลกเข้าด้วยกัน และ 5.สร้างสมดุลระหว่างการนำเข้าเทคโนโลยี กับการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ หลังจากที่ ดร.สุวิทย์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการในปี 2563 ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Youth in Charge ‘การพัฒนาคน’ ในแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุ 15-22 ปี ได้ร่วมออกแบบและสร้างอนาคตของตัวเองในมิติต่างๆ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของพลังเยาวชนจากหลากหลายพื้นเพ ในการขับเคลื่อนวาระสำคัญๆที่มีผลต่อชีวิต ความเป็นอยู่และอนาคตของเจนเรชั่นของพวกเขา จากปัญหาว่า ‘เสียงของเยาวชนมักไม่ค่อยมีผู้ใหญ่รับฟัง’ Youth in Charge จึงเป็นแพลตฟอร์มของการเป็นพื้นกลางในการแลกเปลี่ยน พื้นที่กลางในการมีส่วนร่วม การฟังแล้วได้ยิน และเป้าหมายคือการนำไปสู่การกระทำที่เป็นรูปธรรม

#MahidolUniversityNotableAlumni

 

Related Stories 

“สุวิทย์ เมษินทรีย์” ชี้โมเดล ศก. BCG การปรับเปลี่ยนเชิงระบบและยุทธศาสตร์ Game Changer ที่แท้จริงของไทย Click

“สุวิทย์ เมษินทรีย์” ปลุกพลัง 3 มหาวิทยาลัย สร้างคนใหม่ กำหนดอนาคตโลก Click

อ่านเรื่องราว

รศ.ดร.
ปิยาณี
คล้ายนิล-โยบาซ

รศ.ดร.ปิยาณี คล้ายนิล-โยบาซ สำเร็จการจากคณะพยาบาลศาสตร์ หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ปี พ.ศ.2533 ปัจจุบันท่านปฏิบัติงาน ณ Alice Lee Centre for Nursing Studies Yong Loo Lin School of Medicine, National University of Singapore ท่านเป็นนักวิจัยทางการพยาบาลที่มีความสนใจงานวิจัยเกี่ยวกับ ความเครียด ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเครียด และสุขภาพของบุคคลที่มีสุขภาพดีและผู้ที่มีอาการป่วยทางจิต การแทรกแซงทางจิตสังคมในผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตและสภาวะทางการแพทย์ ท่านได้พัฒนางานวิจัยเกี่ยวกับภาวะทางสุขภาพจิตเป็นจำนวนมาก โดยได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากหน่วยงานต่างๆ มากมาย อาทิ NUHS Bridging funds และ National Research. Council of Thailand, Thailand. ท่านมีผลงานการวิจัยที่มีการเผยแพร่ในวารสารระดับชาติและนานาชาติที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญและมีการรวบรวมไว้บนเว็บไซต์ Google Scholar ทั้งหมด 143 ฉบับโดยมีการอ้างอิงโดยรวม 4,880 รายการ h-index เท่ากับ 37 และ i10-index เท่ากับ 68 และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 รศ.ดร. ปิยาณี (คล้ายนิล) โยบาซ ได้รับการเสนอชื่อเป็นนักวิจัยที่มีการอ้างอิงสูง 2% อันดับแรกของโลก นอกจากนี้ท่านได้มีการส่งเสริมสุขภาพจิตของประชาชน โดยมีการเผยแพร่ความรู้ทางออนไลน์เพื่อสอนวิธีการกำหนดลมหายใจอย่างมีสติเพื่อจัดการกับความเครียดในช่องทางออนไลน์ในรายการ “Mindfulness Practice with Dr. Piyanee” จากความรู้ความสามารถในการพยาบาลสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวชศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก ปี 2021 ท่านได้รับเชิญจากองค์การอนามัยโลกในฐานะผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาแนวปฏิบัติทางด้านสุขภาพจิต

#MahidolUniversityNotableAlumni

อ่านเรื่องราว