ย้อนกลับไปหน้า Alumni Recognition
นักวิจัยนวดไทยและนวัตกรรมกายภาพบำบัดเพื่อประชาชน:
ศาสตราจารย์ ดร.วิชัยเป็นผู้นำในทีมวิจัยมุ่งเน้นศึกษากลไกทางสรีรวิทยาและประสิทธิผลของการนวดไทยในผู้ป่วยกรณีโรคต่าง ๆ ท่านสร้างกลุ่มวิจัยด้านนี้ขึ้นที่คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ท่านตีพิมพ์ผลงานการวิจัยด้านการนวดไทยทั้งในวารสารระดับชาติและนานาชาติให้เป็นที่ประจักษ์แก่สากล ท่านเปิดอบรมความรู้และทักษะการนวดไทยแก่ประชาชน หมอนวดพื้นบ้าน นักศึกษากายภาพบำบัด และนักศึกษาทั่วไป ท่านได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการนวดไทยและรับเป็นวิทยากรรับเชิญทั้งในประเทศและต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวกับการนวดไทย รวมถึงการสร้างสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมด้านนวดไทยเพื่อบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อจากการทำงาน เช่น ตะขอนวดตัววิไล เตียงนวดและดึงหลัง นอกจากนี้ยังมีการประดิษฐ์นวัตกรรมเตียงช่วยพลิกตัวเพื่อป้องกันแผลกดทับสำหรับผู้ป่วยที่อ่อนแรงไม่สามารถขยับตัวได้ในขณะนอน อีกด้วย
#MahidolUniversityNotableAlumni
Related Stories
⮕ มข.พัฒนา “เตียงอัจฉริยะ” ป้องกันแผลกดทับผู้สูงอายุติดเตียง Click
อ่านเรื่องราว
คุณอารีย์พันธ์เป็นศิษย์เก่าดีเด่นประเภทบริหาร ประจำปี 2562 จากบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ท่านคือผู้นำที่เป็นแบบอย่างด้วยพลังขับเคลื่อนไปสู่การเปลี่ยนแปลง ความซื่อสัตย์และความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ ในฐานะที่รับราชการในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการได้มีบทบาทและหน้าที่ในการประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการพัฒนาระบบราชการให้เกิดผลรูปธรรม โดยเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนที่มุ่งเน้นการพัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน เป็นนักบริหารผู้ประสานความร่วมมือในการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐ พร้อมทั้งร่วมบูรณาการการทำงานโดยการผลักดันและแสวงหาความร่วมมือกับเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชนก่อให้เกิดการแก้ปัญหาแนวคิดการออกแบบกระบวนการตั้งแต่การแก้กฎหมายที่เป็นปัญหาหรืออุปสรรคในการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ พัฒนาการให้บริการในรูปแบบดิจิทัล การดำเนินการตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 การปรับปรุงการบริการของภาครัฐตามรายงานความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก ส่งผลให้ภาครัฐของไทยในปี พ.ศ. 2563 อยู่ในอันดับ 21 จาก 190 ประเทศ
#MahidolUniversityNotableAlumni
อ่านเรื่องราว
คุณปกรณ์เป็นผู้มีความวิริยะอุสาหะในการทำงานโดยเฉพาะด้านการแปลและล่าม เขาสามารถพัฒนาทักษะของตนให้เกิดความเชี่ยวชาญและได้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิของวงการนักแปลและล่ามในประเทศไทย คุณปกรณ์ยังเป็นผู้ยึดถือคุณธรรมและจรรยาบรรณในการดำเนินชีวิตและในการประกอบอาชีพ อีกทั้งยังเป็นผู้ผลักดันความคิดในการพัฒนาจรรยาบรรณวิชาชีพนักแปลและล่าม ซึ่งเป็นวิชาชีพที่มีความสำคัญในหลายบริบทของสังคมไทย ทั้งเรื่องการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ สาธารณสุข การบังคับใช้กฎหมาย สิทธิมนุษยชนและสิทธิของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม ความเสมอภาคในสังคม และการเผยแพร่วัฒนธรรม เพื่อให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่นักแปลและล่ามมีความเข้าใจบทบาทและขอบเขตหน้าที่ของตนเอง รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบทางจิตใจซึ่งเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของล่ามในสถานการณ์ต่าง ๆ และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตนเองของผู้ประกอบวิชาชีพ คุณปกรณ์ยังเป็นผู้เสียสละทำงานให้กับสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย รวมถึงเป็นจิตอาสาในการแปลและล่ามตลอดมา จนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ.2565
อ่านเรื่องราว
คุณพบเอกเป็นผู้สร้างชื่อเสียงให้แก่วิทยาลัยนานาชาติและมหาวิทยาลัยมหิดลมาตลอดตั้งแต่เมื่อสมัยเรียนอยู่ในระดับปริญญาตรี โดยมีผลงานที่โดดเด่นทั้งในด้านวิชาการ สังคม และวิชาชีพ หลังจบการศึกษาเขาตั้งใจที่จะเป็นผู้ประกาศข่าวหนุ่มผู้เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน มุ่งมั่นที่จะบรรเทาทุกข์และผลักดันให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมไทย ผ่านช่องทีวีดิจิตอลระดับแนวหน้าของประเทศ นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนสังคมโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้สนใจข่าวสารความเป็นไปของบ้านเมืองมากขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ที่เข้าถึงง่าย นำประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ ด้านการสื่อสาร วาทศิลป์ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ที่ได้บ่มเพาะจากมหาวิทยาลัยมหิดลไปประยุกต์ใช้ต่องานสื่อสารมวลชนและการศึกษา เพื่อประโยชน์ของนักศึกษาปัจจุบันและสังคมไทย โดยคุณพบเอกยังคงเดินหน้าเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะการสร้างสรรค์ผลงานและทำประโยชน์ให้แก่สังคมอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้รับรางวัลพระราชทานเทพทอง ครั้งที่ 19 สาขา บุคคลดีเด่นด้านโทรทัศน์ จากสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปี พ.ศ. 2562 และโล่รางวัลเกียรติยศ “ตาชั่งทอง” บุคคลสงเคราะห์ดีเด่นแห่งปีจากสหพันธ์กรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สมาคมสถาบันคุ้มครองสิทธิประโยชน์ผู้บริโภคและภาคีเครือข่าย ในปี พ.ศ. 2563
อ่านเรื่องราว
โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพ ภายใต้การบริหารงานของคุณอลิสรา ได้รับการยอมรับให้เป็นโรงแรมที่มีขยะเศษอาหารเป็นศูนย์ (Zero Food Waste Hotel) และได้รับการยกย่องให้เป็นโรงแรมต้นแบบของกรุงเทพมหานครในเรื่องการจัดการขยะ และได้รับรางวัล Food Waste Free Champion 2023 จาก Pacific Asia Travel Association และเป็นโรงแรมต้นแบบของการทำธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่สามารถสร้างผลกำไรและผลตอบแทนให้กับธุรกิจ ควบคู่ไปกับการเกื้อกูลเกษตรกรและชุมชน ร่วมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คุณอลิสราทำให้โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพได้รับการยอมรับในการเป็น Sustainable Boutique Hotel แถวหน้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศมาศึกษาเรียนรู้ดูงานเฉลี่ยเดือนละ 3-4 องค์กร
#MahidolUniversityNotableAlumni
Related Stories
⮕ ทายาทรุ่น3 ศิวาเทล ต่อยอด Green Hotel สร้าง Brand Purpose ติดท็อปในใจสายกรีน Click
⮕ อลิสรา ศิวยาธร แห่งโรงแรมศิวาเทล กรุงเทพ เมื่อ Sustainable ไม่ใช่แค่การสร้างแบรนด์ แต่เป็นการสร้างคุณค่า Click
อ่านเรื่องราว
Ms. Wahyuningrum เป็นผู้นำด้านการผลักดันกลไกสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคอาเซียนและการทำงานด้านสิทธิเด็กและสิทธิสตรีในภูมิภาค เช่น เป็นที่ปรึกษาอาวุโสของเครือข่ายรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน (ASEAN Parliamentarians for Human Rights) เป็นผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาอาวุโสของ Weaving Women’s Voices in ASEAN (WEAVE) ซึ่งเป็นเครือข่ายองค์กรสตรีนิยมที่ทำงานเรื่องสิทธิของผู้หญิงและเด็กหญิงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลงานด้านสิทธิมนุษยชนที่เป็นที่ประจักษ์ชัดของเธอทำให้เธอได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนประเทศอินโดนีเซียในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights - AICHR) ถึงสองสมัย (2019-2021 และ 2022-2024) โดยในปี 2023 เธอได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการ ในการทำงานของ AICHR เธอเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเรื่องสิทธิเด็กและเป็นผู้ที่ทำงานหลักเรื่องเพศสภาพ เสรีภาพในการแสดงความเห็นและการสมาคมรวมตัว เสรีภาพในการนับถือศาสนา การต่อต้านการทรมาน การต่อต้านความรุนแรง การต่อต้านการค้ามนุษย์ และสิทธิของแรงงานข้ามชาติ อีกด้วย
อ่านเรื่องราว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ชัยรัตน์ เป็นผู้ยึดมั่นตามค่านิยมองค์กรของมหาวิทยาลัยมหิดล ได้สร้างสรรค์ผลงานทั้งทางด้านการเรียนการสอน งานวิจัย บริการวิชาการ และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ตลอดระยะเวลาที่ได้ทำงานในตำแหน่งอาจารย์ได้สร้างบุคลากรที่มีความสามารถทางการเกษตรสู่สถานประกอบการและสังคม ด้านงานวิจัยได้แก้ไขปัญหาของเกษตรกรทางการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตพืช และส่งเสริมให้มีการปลูกผักเกล็ดหิมะอินทรีย์ให้เป็นพืชเศรษฐกิจรายแรกของไทย โครงการบริการวิชาการที่ทำให้กับโรงเรียนได้รับรางวัลดีเด่นทางด้านความยั่งยืนและเป็นต้นแบบให้กับโรงเรียนอื่นๆ อีกมากมาย และยังลงพื้นที่ส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิตพืชครบวงจรให้กับหลายพื้นที่ทั่วประเทศร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เป็นต้น ตลอดจนได้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาและผู้ทรงคุณวุฒิในหลายหน่วยงาน เช่น สมาคมกัญชงไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญญบุรี ไม่เพียงแต่ในประเทศเท่านั้น ยังได้มีการบริการวิชาการให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป. ลาว ซึ่งบ่อยครั้งที่ได้รับเชิญจาก National Agriculture and Forestry Research Institute (NAFRI) เพื่อบรรยายเชิงปฏิบัติการให้แก่เกษตรกรและเจ้าหน้าที่ของรัฐในด้านการจัดการสินค้าเกษตรเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นและยั่งยืน
#MahidolUniversityNotableAlumni
อ่านเรื่องราว
ทพญ.จุฑารัตน์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัยโรคช่องปากและเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณทวิทยา ท่านมีผลงานที่สร้างผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ได้แก่ 1. การพัฒนามาตรฐานการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในระบบต้องโทษในเรือนจำ/ทัณฑสถาน โดยพัฒนากระบวนการคัดกรอง และหลักสูตรการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน 2. การพัฒนาระบบบริการสุขภาพในเรือนจำ โดยการผลักดันการขึ้นทะเบียนสถานพยาบาลในเรือนจำและทัณฑสถานให้เป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ และจัดทำแนวทางการพัฒนาระบบบริการสุขภาพผู้ต้องขังในเรือนจำ 3. การพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครผู้ต้องขังในเรือนจำ (อสรจ.) โดยปรับปรุงหลักสูตรอาสาสมัครสาธารณสุขในเรือนจำ (อสรจ.) ที่เหมาะกับบริบทเรือนจำที่เป็นมาตรฐาน และจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพ อาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) ระหว่าง กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข 4. ควบคุมกำกับการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสถานที่คุมขัง และ 5.การกำกับติดตามการดำเนินงานโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
#MahidolUniversityNotableAlumni
อ่านเรื่องราว
ดร. ยูเนียนสาสมีต้า มีผลงานที่เกิดจากการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้และเกิดประโยชน์เชิงประจักษ์ในด้านการศึกษาได้แก่การจัดการศึกษาแบบทวิ-พหุภาษา (Mother Tongue-based Bi/Multilingual Education) และการเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรม (Intercultural Education) โดยในส่วนของ “การจัดการศึกษาแบบทวิ-พหุภาษา” ได้มีการประยุกต์ใช้ภายใต้การดำเนินงานโครงการวิจัยระยะยาว (9 ปี) ในโรงเรียนนำร่องจำนวน 4 โรงในพื้นที่สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ประกอบด้วย จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล) หลังจากนั้นมีการขยายผลไปสู่โรงเรียน 15 โรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ การดำเนินงานโครงการดังกล่าวเป็นที่ยอมรับและสร้างชื่อเสียงในระดับชาติผ่านรางวัล “ผลงานประดิษฐ์ คิดค้น ประจำปี พ.ศ. 2555 ระดับดี มอบโดยสภาวิจัยแห่งชาติ” ในขณะเดียวกันเป็นที่ยอมรับและสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติผ่านรางวัล “King Sejong Literacy Prize ปี ค.ศ. 2016” มอบโดย UNESCO นอกจากนี้ อีกหนึ่งผลงานที่มีการนำไปประยุกต์และเกิดประโยชน์ด้านการศึกษาแก่นักเรียนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ การเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรม (Intercultural Education) ภายใต้การดำเนินงานโครงการวิจัย “วิจัยปฏิบัติการพัฒนาสื่อพหุภาษา-พหุวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ภาษาและเสริมสร้างทักษะการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจสำหรับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” สนับสนุนโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ซึ่งผลของการดำเนินงานโครงการฯ ดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรมแก่นักเรียนในบริบทพหุวัฒนธรรมชายแดนภาคใต้ ผลจากการยอมรับดังกล่าว ทำให้โครงการฯ ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยในปี พ.ศ. 2566 เพื่อต่อยอดและขยายผลความสำเร็จไปสู่โรงเรียนอื่น ๆ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 15 โรง ต่อไป
#MahidolUniversityNotableAlumni
อ่านเรื่องราว
ดร. มิรินด้า บูรรุ่งโรจน์ เป็นผู้มีผลงานวิจัยเชิงพัฒนาในด้านการจัดการศึกษาที่ใช้ “ต้นทุนทางภาษาและวัฒนธรรม” เป็นกลไกในการพัฒนาการรู้หนังสือสำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากงานวิจัยด้านการจัดการศึกษาที่ใช้ภาษาแม่และวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นฐานทั้งในรูปแบบทวิ-พหุภาษา (MTB-MLE) ในพื้นที่ชายแดนใต้และเกาะลันตา รวมถึงการสอนภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง (TSL) สำหรับบุตรหลานแรงงานข้ามชาติในพื้นที่แม่สอดและระนอง และการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรม (ICE) สำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มชาวเลอูรักลาโวยจ กลุ่มมุสลิม กลุ่มจีนและกลุ่มไทยใต้ และยังมีผลงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรวม 28 โครงการ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 จนถึงปัจจุบัน ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวทำให้เกิดนวัตกรรมเรียนรู้ภาษาแม่/ภาษาท้องถิ่นและภาษาไทยจำนวนมากกว่า 1,500 ชิ้น โดยมีโรงเรียนที่เป็นเครือข่ายวิจัยจำนวน 63 แห่ง และมีครูที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพด้านการสอนมากกว่า 270 คน และนักเรียนที่ได้รับประโยชน์จำนวนมากกว่า 5,800 คน.
อ่านเรื่องราว
มหาวิทยาลัยมหิดลมีนโยบายสร้างเสริมความผูกพันและรวมพลังศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยมหิดล
เพื่อร่วมกันพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีคณะ
กรรมการบริหารและดำเนินงานสร้างความผูกพันศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล
999 อาคารศูนย์การเรียนรู้มหิดล ชั้น 3 กองกิจการนักศึกษา ม.มหิดล ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 73170
999 อาคารสิริวัฒนภักดี ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 73170